อาการเริ่มต้นที่แมวเป็น
- แมวเริ่มอาเจียนบ่อย ๆ แบบไม่มีสาเหตุ (บางทีเป็นน้ำย่อย)
- ถ่ายเหลว หรือบางครั้งก็มีมูกเลือดปน
- น้ำหนักลดแม้จะกินอาหารเหมือนเดิม
- ดูซึม ๆ ไม่ค่อยร่าเริงเหมือนเดิม
- บางตัวอาจมีอาการเบื่ออาหาร หรือกินมากขึ้นแบบแปลก ๆ
สาเหตุโรคนี้ไม่ได้มีสาเหตุชัดเจน แต่ปัจจัยที่พบได้บ่อยคือ:
- ภูมิแพ้อาหาร เช่น แพ้โปรตีนไก่หรือธัญพืช
- ความเครียด (ใช่! แมวก็เครียดได้)
- การติดเชื้อในลำไส้ หรือระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายผิดปกติ
- พันธุกรรม บางสายพันธุ์ เช่น สายพันธุ์เปอร์เซีย มีโอกาสเสี่ยงมากกว่า
วิธีป้องกัน
1. ให้อาหารที่เหมาะสมกับแมว เช่น อาหารสูตร Hypoallergenic หรือ Grain-Free
2. หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนอาหารบ่อย ๆ
3. ลดความเครียดในบ้าน เช่น ไม่ทำเสียงดัง หรือย้ายของบ่อย
4. สังเกตสุขภาพของแมวอยู่เสมอ หากมีอาการผิดปกติ รีบพาไปหาหมอ
ทำยังไงต่อเมื่อแมวเริ่มมีอาการ
1. พาไปหาสัตวแพทย์ทันที - คุณหมอจะตรวจเลือด อัลตราซาวด์ หรือบางครั้งอาจต้องส่องกล้องลำไส้เพื่อวินิจฉัย
2. ปรับอาหาร - คุณหมออาจแนะนำอาหารสูตรเฉพาะ หรือลองตัดโปรตีนที่สงสัยว่าแพ้ออก
3. ยาควบคุมอาการ - เช่น ยาลดการอักเสบ (Steroid) หรือยาแก้แพ้
ค่าใช้จ่าย ราคาแตกต่างกันตามอาการและสถานที่:
- ตรวจเบื้องต้น: 1,000-2,500 บาท (รวมตรวจเลือดและอัลตราซาวด์)
- ค่ายา: 500-2,000 บาท/เดือน (ขึ้นอยู่กับยาที่ใช้)
- ถ้าต้องส่องกล้องหรือเจาะชิ้นเนื้อ ค่าใช้จ่ายอาจอยู่ที่ 10,000-20,000 บาท
สิ่งที่คนมักอยากรู้เพิ่มเติม
1. โรคนี้หายขาดไหม? - โรคลำไส้อักเสบเรื้อรังในแมวมักไม่หายขาด แต่ควบคุมอาการได้
2. ต้องกินยาตลอดชีวิตหรือเปล่า? - บางตัวต้องกินยาต่อเนื่อง แต่ถ้าแมวตอบสนองได้ดี อาจลดการใช้ยาได้
การบรรเทาอาการเบื้องต้นแบบพื้นบ้าน (ใช้เสริมเท่านั้น!)
- ให้แมวกินฟักทองบดเล็กน้อย (ช่วยเรื่องการขับถ่าย)
- น้ำต้มข้าวผสมน้ำต้มไก่จืด ๆ ช่วยลดการระคายเคืองในลำไส้
- น้ำมันมะพร้าวเล็กน้อย (ประมาณ 1/4 ช้อนชา) ช่วยลดการอักเสบบางกรณี
แต่ทั้งหมดนี้ควรปรึกษาหมอก่อนใช้นะ เพราะแต่ละตัวตอบสนองต่างกัน!
ประสบการณ์ส่วนตัว เราเคยเจอแบบนี้กับแมวที่บ้าน ตอนแรกตกใจหนักมาก แต่พอปรับอาหาร ดูแลใกล้ชิด และให้ยาตามคุณหมอสั่ง ทุกอย่างก็ดีขึ้นได้จริง ๆ ที่สำคัญคือ "อย่าปล่อยผ่าน" ถ้ามีอาการไม่ปกติ เพราะยิ่งรู้เร็ว ยิ่งช่วยเจ้าเหมียวได้ง่ายขึ้น |