เมื่อก่อนมีแมวตัวหนึ่งที่เลี้ยงไว้ ชื่อ "มะลิ" วันหนึ่งเริ่มสังเกตเห็นว่ามันดูซึมๆ ไม่ค่อยร่าเริงเหมือนเคย น้ำหนักลด ผอมลง ผิวหนังเริ่มเป็นแผลเล็กๆ และเหงือกซีดผิดปกติ ตอนนั้นก็รู้สึกแปลกใจ เลยพาไปหาหมอสัตว์
อาการเริ่มต้นที่สังเกตได้
- แมวซึม ไม่ค่อยเล่น กินน้อยลง
- น้ำหนักลด ผิวหนังไม่แข็งแรง
- มีแผลที่หายช้า หรือแผลติดเชื้อ
- เหงือกซีด หรือมีปัญหาในช่องปาก เช่น กลิ่นปากแรง
การตรวจและวินิจฉัย
หมอทำการตรวจเลือดดูว่าเป็นโรค FIV (Feline Immunodeficiency Virus) ซึ่งก็คือ "โรคเอดส์แมว" ผลออกมาว่ามะลิติดเชื้อจริงๆ หมอบอกว่าเชื้อไวรัสนี้จะกดภูมิคุ้มกันทำให้แมวป่วยง่ายขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องตายทันที ถ้าดูแลดีๆ ก็อยู่ได้นานหลายปี
สิ่งที่ทำหลังจากรู้
1. ปรับอาหาร: เลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน
2. แยกจากแมวตัวอื่น: เพราะเชื้อสามารถแพร่ผ่านการกัด หรือเลือดได้
3. ดูแลแบบใกล้ชิด: สังเกตอาการทุกวัน ถ้ามีไข้หรืออาการแปลกให้พาไปหาหมอ
ค่าใช้จ่าย
- ค่าตรวจเลือดประมาณ 500-1,000 บาท
- ยาและวิตามินต่างๆ แล้วแต่เคส เฉลี่ยประมาณ 500-2,000 บาทต่อเดือน
- ถ้าต้องรักษาแผลหรืออาการแทรกซ้อนอื่นๆ อาจเพิ่มขึ้นอีก
การบรรเทาอาการแบบพื้นบ้าน
- น้ำต้มใบย่านาง: ใช้เช็ดตัวหรือผสมในน้ำกิน เพราะช่วยลดการอักเสบ
- น้ำข้าวต้ม: ให้กินแทนน้ำเปล่า ช่วยเพิ่มพลังงานเบาๆ และย่อยง่าย
- ขมิ้นชัน: ผสมในอาหารเล็กน้อย ช่วยลดการติดเชื้อและเสริมภูมิคุ้มกัน
สิ่งที่คนมักสงสัย
1. แมวเป็นเอดส์แมวจะหายไหม?
ไม่หาย แต่สามารถควบคุมอาการและดูแลให้มีชีวิตที่ปกติสุขได้
2. จะติดคนไหม?
ไม่ติด เชื้อ FIV ติดเฉพาะในแมวเท่านั้น
3. ควรฉีดวัคซีนไหม?
แมวที่ติดเชื้อแล้วไม่สามารถฉีดวัคซีนบางชนิดได้ ควรปรึกษาหมอเรื่องนี้โดยตรง
สุดท้ายนี้ พอมะลิได้รับการดูแลดีๆ มันก็ยังอยู่กับเราได้อีก 3 ปี ถึงจะจากไปด้วยอาการชรา เราก็รู้สึกเต็มใจที่ได้ดูแลมันจนถึงที่สุด |